"ความรู้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในตำราเรียนเท่านั้น" เพียงแค่ผมได้นึกถึงประโยคสั้นๆ ประโยคนี้ ก็ทำให้เกิดความคิดและแรงบันดาลใจในการที่จะออกไปค้นหา เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ข้างนอกดูบ้าง จากห้องเรียนสี่เหลี่ยมแคบๆ สู่โลกทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ขนาดยักษ์ !!
ได้ยินแบบนี้แล้ว หลายคนเป็นต้องถึงบางอ้อทันที.. ถูกต้องแล้วครับ เพราะสถานที่ที่ผมพาทุกท่านมาเปิดประสบการณ์นอกตำราเรียนในวันนี้ มีอาคารที่ได้รับการออกแบบให้โดดเด่น สะดุดตา มีเอกลักษณ์ด้วยทรงของลูกบาศก์ ที่แห่งนี้ก็คือ... "พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์" นั่นเองงงงง.... . . .
บนพื้นที่ 180 ไร่ ในบริเวณเทคโนธานี ริมถนนเลียบคลอง 5 อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เป็นที่ตั้งขององค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ สร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พุทธศักราช 2535 เพื่อจัดแสดงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ
ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ออกแบบให้มีลักษณะเด่นทางสถาปัตยกรรม กระตุ้นความสนใจของผู้พบเห็น สะท้อนความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีการก่อสร้าง โดยออกแบบเป็นรูปลูกบาศก์ 3 รูปยึดติดกัน มีมุมแหลม 3 จุดเป็นจุดรับน้ำหนัก ภายในมีพื้นที่ถึง 18,000 ตารางเมตร นิทรรศการที่จัดแสดงนี้ เน้นการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านสื่อผสมที่มีความหลากหลาย โดยแบ่งการจัดแสดงในชั้นต่างๆ ดังนี้
ชั้นที่ 1 เป็นส่วนของการต้อนรับ แนะนำการเข้าชม และนิทรรศการไฟฟ้า
ชั้นที่ 2 นิทรรศการประวัติและความเป็นมาของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การกำเนิดมนุษยชาติ และความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์ มีหุ่นจำลองของ 'ลูซี่' ซึ่งเป็นซากดึกดำบรรพ์อายุ 3,500,000 ปี จัดอยู่ในตระกูลลิงใหญ่ที่เชื่อว่าเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ และจำลองปฏิบัติการกู้ดาวเทียม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นความสำเร็จของมนุษย์ในการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สามารถสร้างยานและเดินทางไปในอวกาศได้ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวประวัติและการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ ทัศนะของนักวิทยาศาสตร์เอกของโลก
ชั้นที่ 3 นิทรรศการเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานและพลังงาน แสดงในรูปของฐานปฏิบัติการให้ผู้ชมทดลอง สัมผัส และเรียนรู้ด้วยตนเอง
ชั้นที่ 4 จัดแสดงด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศไทย เช่น การผลิตทางการเกษตรและอุตสาหกรรม ธรณีวิทยาของประเทศไทย
ชั้นที่ 5 เน้นเรื่องราวของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน เช่น ร่างกายและสุขภาพ
ชั้นที่ 6 จัดแสดงเรื่องราวของภูมิปัญญาไทย
ด้านใน เมื่อสำรวจภายในพบว่า อุปกรณ์ต่างๆ อย่าง เครื่องมือและแบบจำลองทางวิทยาศาสตร์ แผ่นป้ายอธิบาย รวมทั้งของเล่น ยังสามารถใช้การได้ตามปกติ แม้จะถูกใช้งานอย่างสุดกำลังจากนักค้นคว้าตัวน้อย ส่วนสื่อการจัดแสดง มีการเน้นสร้างปฏิสัมพันธ์ เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันผู้ชมก็ได้รับความเพลิดเพลินไปในตัว แม้พิพิธพัณฑ์วิทยาศาสตร์ตั้งห่างไกลจากตัวเมือง แต่ยังได้รับความนิยมจากครอบครัวในฐานะแหล่งท่องเที่ยว และลูกค้าประจำอย่างคณะครู - นักเรียนจากทั่วประเทศ
การแตกแขนงวิทยาศาสตร์อย่างกว้างขวางเช่นนี้ ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะทำให้เด็กได้เรียนรู้ตามความสนใจ และช่วยเสริมสร้างจินตนาการต่ออาชีพในฝัน อีกทั้งยังเป็นการบูรณาการกับวิชาต่างๆ ที่เคยเรียนในห้องเรียน เอามาไว้บนพื้นที่แห่งนี้ เด็ก เยาวชน หรือบุคคลทั่วไป สามารถเข้าถึงความรู้เหล่านั้นได้ง่ายขึ้นด้วยรูปธรรมที่ชัดเจน
ตลอดเส้นทางความรู้ ที่มีให้เดินชมภายในพิพิธภัณฑ์แหง่นี้ พูดได้ว่าเวลามันช่างผ่านไปไวเหมือนโกหก รวดเร็วยิ่งนัก! ความรู้สึกเหมือนตอนกำลังเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าไม่มีผิด เวลาสองสามชั่วโมงผ่านไปไวเหมือน 5 นาที อาจจะเป็นความรู้สึก Flow ที่เกิดขึ้นในใจเหมือนได้ปลดปล่อยอะไรบางอย่าง นี่ก็เพราะการออกแบบ/การจัดตกแต่งสถานที่ ซึ่งอย่างน้อยเราก็ได้ซึมซับเกี่ยวกับวิชาสถาปัตยกรรม การออกแบบทั้งภายนอกและภายในไปโดยปริยาย นอกจากนี้ ก็ยังมีวิชาอื่นๆ ที่เราได้รับความรู้ไปพร้อมๆ กันด้วย
สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม >> การศึกษาด้านภูมิปัญญาของไทย ตั้งแต่เมื่อครั้งในอดีต ที่ผู้คนเคยดำรงชีวิตด้วยความรู้ และอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านั้น ของพื้นเมืองดัั้งเดิมที่มีแต่ประเทศไทยเท่านั้น Thailand Only!! เช่น เทคโนโลยีการแกะสลัก เทคโนโลยีเครื่องปั้นดินเผา เทคโนโลยีจักสาน เทคโนโลยีโลหะกรรม เทคโนโลยีสิ่งทอ โรงละครหุ่น เป็นต้น รวมถึงแผนที่ ภูมิศาสตร์และภูมิอากาศของประเทศไทย
สุขศึกษาและพลศึกษา >> เรื่องเกี่ยวกับด้านร่างกายและสุขภาพ อวัยวะภายในและกล้ามเนื้อต่างๆ การเคลื่อนไหว การออกกำลังกายและกีฬา
การงานอาชีพและเทคโนโลยี >> เรื่องของภูมิปัญญาก็จัดว่าเป็นการเรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่และการต่อยอดทางด้านอาชีพด้วย คุณภาพชีวิต บ้านและสำนักงาน เครื่องมือสื่อสาร ยานพาหนะ การคมนาคม นิทรรศการดาวเทียมธีออสและการสำรวจระยะไกล ความรู้ด้านสิ่งก่อสร้างและโครงสร้าง ตลอดจนสื่อผสมที่นำมาจัดแสดงเพื่อให้เกิดความสนุกสนาน บันเทิงไปพร้อมกับการเรียนรู้นั่นเอง
ศิลปะ >> การจัดแสดงแสง สี เสียง ของสื่อที่นำมาแสดง เพื่อเป็นการดึงดูดความสนใจ ความสมจริงของสิ่งจำลอง และการสร้างสรรค์ผลงานที่นำมาจัดแสดงทุกชิ้น
คณิตศาสตร์ >> ภายในก็จะมีส่วนจัดแสดงที่เป็น "โซนคณิตศาสตร์ (Mathematics)" เป็นเรื่องราวของคณิตศาสตร์ เรขาคณิต การนับ พีทาโกรัส การวัดมุมทางเรขาคณิตในลักษณะต่างๆ การคำนวณ และฝึกวัดปริมาตร ฝึกการคำนวณวัดระยะทาง เป็นต้น
.....และที่สำคัญที่สุด ชัดเจน ตรงประเด็น ไม่ออกนอกกรอบ ตรงตามชื่อของพิพิธภัณฑ์แหง่นี้ มาที่นี่ก็ต้องได้เรียนรู้วิชานี้อย่างแน่นอน
วิทยาศาสตร์ >> ซึ่งก็จะแบ่งออกเป็น ชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ และดาราศาสตร์
โดยในส่วนของ "ชีววิทยา" จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวงจรชีวิต วิวัฒนาการ การเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ พืช และสัตว์ ตัวอย่างเช่น ในชั้นที่ 2 ก็จะมีหุ่นของ "ลูซี่" ซึ่งจำลองมาจากบรรพบุรุษของมนุษย์ผ่านซากดึกดำบรรพ์ที่ขุดพบในประเทศเอธิโอเปีย และชั้น 4 ระบบนิเวศวิทยาของประเทศไทย ความรู้ด้านธรณีวิทยาของประเทศไทย โครงสร้างโลก และภูมิอากาศ
ในส่วนของเคมี ก็จะมี "โซนเคมี (Chemistry)" จัดแสดงเรื่องโมเลกุล สสาร พันธะระหว่างโมเลกุล และการเกิดปฏิกิริยาเคมี เป็นต้น "โซนสสารและโมเลกุล (Matter and Molecular)" จัดแสดงเรื่องสสาร และโมเลกุลของสาร โครงสร้างผลึกชนิดต่างๆ
ทางด้าน ฟิสิกส์ จะมีให้ศึกษาอย่างหลากหลาย จัดแสดงอยู่ที่ชั้น 3 ได้แก่
โซนอุโมงค์พลังงาน (Power Tunnel) จัดแสดงเรื่องบพลังงานในรูปแบบต่าง ๆ ที่มนุษย์สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ นอกจากนั้นยังมีการจำลองแผ่นดินไหวขนาดเล็กให้ได้สัมผัสอีกด้วย
โซนแรงและการเคลื่อนที่ (Force and Motion) จัดแสดงเรื่องกฎของการเคลื่อนที่ แรงดึงดูดของโลกและกฎของนิวตัน รอก เกียร์ กฎแบร์นูลลี แรงโน้มถ่วง และสนุกไปกับแรงยกตัวของปีกเครื่องบิน
โซนเสียง (Sound) จัดแสดงเรื่องเสียงและการเดินทางของเสียงผ่านช่องทางต่างๆ ไฮไลต์อยู่ที่การทดลองพูดผ่านจานรับเสียงขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามกัน
โซนแสง (Light) จัดแสดงเรื่องหลักทำงานของแสง เลนส์ ปริซึม กระจก การหักเหของแสง สีของแสง การเกิดเงาและการทำงานของใยแก้วนำแสง
โซนความร้อน (Heat) จัดแสดงเรื่องความร้อน การนำความร้อน การแผ่รังสีความร้อน
โซนไฟฟ้า (Electricity) จัดแสดงเรื่องไฟฟ้าในชีวิตประจำวัน ไฟฟ้าสถิต การเปลี่ยนรูปของพลังไฟฟ้า แบตเตอรี่ เซลล์สุริยะ
โซนแม่เหล็ก (Magnetism) จัดแสดงเรื่องราวของแม่เหล็ก วัสดุที่เป็นสารแม่เหล็ก อำนาจของแม่เหล็กขนาดต่างๆ ไดนาโม และมอเตอร์
โซนความเสียดทาน (Friction) จัดแสดงเรื่องแรงเสียดทานและการเคลื่อนที่
ส่วนด้าน ดาราศาสตร์ ก็มีโมเดลโลกและดวงดาวขนาดใหญ่เอาไว้ให้ได้ชมกัน บริเวณในส่วน-ของทางเข้า
เวลาเปิดบริการ
เปิดให้บริการวันอังคาร
- วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 9.30 - 16.30 น.
และ วันเสาร์ - วันอาทิตย์
ตั้งแต่เวลา 9.30 น. – 17.00 น.
(หยุดวันจันทร์)
How to go there?
การเดินทาง
การเดินทางโดยทางรถยนต์ส่วนตัว >> จากถนนวิภาวดีรังสิต ตามทางไปนครนายก ตรงบริเวณฟิวเจอร์ปารค์ ก็จะเข้าถนนรังสิต-นครนายก ตรงมาผ่านถนนตัดวงแหวน ตรงมาอีก 200 เมตร ถึงคลอง 5 เมื่อผ่านสะพานคลอง 5 ก่อนถึงบ้านเด็กอ่อนรังสิตจะมีทางให้เลี้ยวซ้ายวกกลับเป็นตัวยู ตามทางไปทางขวาเข้าถนนเลียบคลองห้า ตรงไปราว 3.5 กิโลเมตร จะเห็นป้ายเทคโนธานีอยู่ทางขวามือ เลี้ยวขวาตรงเข้าไปเห็นวงเวียนให้เลี้ยวซ้าย ก็จะถึงพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ตั้งโดดเด่นอยู่
อีกเส้นทางจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เลี้ยวซ้ายผ่านวัดธรรมกาย อ. คลองหลวง – หนองเสือ ถึงทางแยก แยกซ้ายไปหนองเสือ ให้เลี้ยวขวาไปพิพิธภัณฑ์ฯ ระยะทาง 2 กม. ทางเข้าเทคโนธานีและพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์จะอยู่ซ้ายมือ
การเดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะ >> มีรถบริการเส้นทางสายวิทยาศาสตร์ “อพวช. – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ” บริการวันละ 2 รอบ จากอนุสาวรีย์ เวลา 09:30 และ 11:00 น. จุดจอดจะอยู่บริเวณกระทรวงวิทยาศาสตร์ ใต้สะพานรถไฟฟ้า BTS ฝั่งโรงพยาบาลราชวิถี / รถออกจาก อพวช. 14:30 และ 16:30 น. รถโดยสารประจำทาง
ปอ. 538 และ ปอ.44 (อนุสาวรีย์ชัย – คลอง 6)
ปอ. 1155 ( รังสิต- พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์)
...แค่คุณได้ลองก้าวขาออกจากบ้าน มุ่งหน้าตรงมายังสถานที่แห่งนี้ เราขอบอกเลยว่าน่าประทับใจจริงๆ ไม่ว่าจุดประสงค์ของคุณคือความตั้งใจที่จะมา หรือว่าต้องการจะเดินทางมาเพื่อฆ่าเวลาในช่วงวันหยุดก็ตาม คุณจะได้ความรู้ใส่คลังสมองเพิ่มเติมมากมาp
"พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์" นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ที่สรรสร้างความฉลาดให้กับเด็กไทยได้เป็นอย่างดี ซึ่งอดีตเด็กไทยอย่างรุ่นคุณพ่อคุณแม่ก็ได้มารำลึกความหลัง
ย้อมกลับมาสู้ความสนุกสนานในช่วงวัยเด็กได้อีกครั้ง
ได้ทบทวนหลายสิ่งอย่างที่อาจจะหลงลืมไปแล้วบ้างตามกาลเวลา
อยากขอเชิญชวนให้พาครอบครัวของคุณ และตัวคุณเอง มาลองเปลี่ยนบรรยากาศการพักผ่อนในวันหยุดจากการเดินเล่นตามห้างฯ มาเที่ยวแบบนี้กันดูบ้าง
แล้วคุณจะรู้ว่าสนุกสนานแบบได้ความรู้นั้นมันมีอยู่ ณ ที่นี้ นี่เองงงงงงง.............. ;)
แหล่งที่มา :
http://www.nsm.or.th/index_sci.php
http://www.nsm.or.th